3 เคล็ดลับกิน “ กล้วย ” แบบใหม่ อร่อยขึ้น
เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยบำรุงตับ-คุมน้ำตาลในเลือด
3 เคล็ดลับกิน “กล้วย” เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยบำรุงตับและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หลายคนอาจคุ้นเคยกับการกิน อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าการปรับเปลี่ยนวิธีทานเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องบำรุง ตับ และควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด ที่สำคัญต่อร่างกาย
ทำไมต้อง
เป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายและราคาย่อมเยาในไทย อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วย
-
ช่วยลดความดันโลหิตด้วยโพแทสเซียมสูง และป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
-
มีเลคตินที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
-
บำรุงหัวใจด้วยวิตามินซี ไฟเบอร์ โฟเลต และโพแทสเซียม
-
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2
-
ให้ไฟเบอร์ประมาณ 10% ของความต้องการรายวัน ช่วยระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
-
ช่วยลดท้องเสียเฉียบพลันด้วยกรดแทนนิก
-
ที่มีจุดดำช่วยแก้ปัญหาท้องผูก
-
มีทริปโตเฟน ช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ
-
ช่วยผ่อนคลายจิตใจ ลดความเครียด และปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น
-
สนับสนุนการนอนหลับลึกและง่ายขึ้น
-
มีไฟเบอร์สูงแต่แคลอรีต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี
-
เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย
-
วิตามินและแร่ธาตุช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง
3 วิธีทาน เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
นักเขียน Rie Togai จากหนังสือ “วิธีลดไขมันในช่องท้องเร็วที่สุด” แนะนำ 3 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ ต่อสุขภาพ
1. กิน กับผงถั่วเหลือง ในญี่ปุ่น นิยมทาน กับผงถั่วเหลืองหรือถั่วแดงในของหวานและอาหารเช้า ผสมผสานกันทำให้ได้รสชาติอร่อยพร้อมคุณค่าทางโภชนาการสูง ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ Erika Kanemaru ระบุว่า ผงถั่วเหลืองอุดมไปด้วย isoflavone ซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน รวมถึงโอลิโกแซ็กคาไรด์ ที่ช่วยเลี้ยงจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เมื่อรวมกับไฟเบอร์จาก จะส่งเสริมระบบทางเดินอาหารแข็งแรงและควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น
สำหรับมื้อเช้า การกิน กับผงถั่วเหลืองช่วยลดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดหลังทาน และช่วยควบคุมน้ำหนัก หากต้องการเพิ่มแป้ง สามารถทานขนมปังเพิ่มได้ แต่ควรควบคุมปริมาณ
2. ทำไอศกรีม ดีต่อหัวใจและตับ แทนการกินไอศกรีมที่มีน้ำตาลสูง ให้ลองแช่ สุกในช่องแข็ง จะได้ไอศกรีมที่คงรสชาติธรรมชาติและช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยพบว่า การแช่แข็ง ทำให้ระดับโพลีฟีนอลเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการทำงานของตับ ช่วยขับสารพิษ และช่วยควบคุมน้ำหนัก
3. ปรุง กับแกงกะหรี่ การใส่ ในแกงกะหรี่ ไม่เพียงเพิ่มความหวานและกลิ่นหอมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจาก ได้ดีขึ้น สามารถบด แล้วใส่ลงในแกงกะหรี่ เพื่อเพิ่มรสชาติกลมกล่อมและคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ ที่นำไปต้มยังเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการสร้างฮีโมโกลบิน และช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย อ่อนเพลีย และคลื่นไส้ svong-1
ข้อควรระวังในการกิน
- ไม่ควรกิน สุกเกิน 2 ลูกต่อวัน เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกกิน ดิบหรือ สุกระดับกลาง
- ไม่ควรกิน ตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้ท้องอืดและปวดท้อง
- ผู้ที่มีปัญหาไตควรระวัง เพราะโพแทสเซียมใน อาจส่งผลเสีย
- หลีกเลี่ยง ที่สุกมากและมีจุดดำเยอะ เพราะมีน้ำตาลสูง เสี่ยงน้ำหนักเพิ่ม
- ควรกิน คู่กับอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อความสมดุลของสารอาหาร