“ อภิสิทธิ์ ” ชวน สภาอุตสาหกรรม ผนึกกำลังหาแนวทางพ้น “กับดักประชานิยม”
“อภิสิทธิ์” ชวน “ส.อ.ท.” ผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน-การเมือง หาแนวทางพ้น “กับดักประชานิยม” มุ่งเป้าคำตอบที่ยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย วันที่ 2 ธันวาคม 2568 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรค นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค เข้าพบสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับทิศทางของอุตสาหกรรมไทย โดยมีการหารือถึงกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวจริงคือ ภาคเอกชน และบทบาทของภาครัฐ คือ การสร้างกติกาสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้ทางภาคเอกชนทำงานได้ดีที่สุด โดยตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และแนวโน้มใหม่ๆ รวมถึงปัญหาภายในประเทศที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเมือง จำเป็นจะต้องหาแนวทางใหม่เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจไทยหลุดพ้นจากกับดักหรือหล่มที่เผชิญอยู่

ให้สัมภาษณ์ายหลังการหารือว่า เรื่องความร่วมมือต่างๆ เป็นสิ่งที่จะต้องทำกันต่อไป โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูล ไปจนถึงการรณรงค์เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต ซึ่งทางพรรคฯ อยากให้ภาคเอกชนรณรงค์ตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เพื่อปิดทางไม่ให้เกิดการครอบงำทางการเมืองจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งยังเป็นตัวที่สร้างปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องต่อไป
“การเดินทางมาแลกเปลี่ยนความเห็นกับภาคเอกชนมากขึ้น หากมีการทำก่อนการเลือกตั้งจะทำให้ได้รับทราบความห่วงใยที่ส่งสัญญาณมาเล็กๆ ว่า เราจะแข่งขันกันเรื่องประชานิยมแบบเดิมหรือไม่ เพราะนั่นก็กลายเป็นอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นหากพรรคการเมืองอื่นๆ จะได้มาแลกเปลี่ยนกับองค์กรของเอกชนมากขึ้น ตนก็หวังว่าการแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้พรรคการเมืองมองภาพที่ยาวขึ้น และจะมองภาพที่จะเป็นคำตอบที่ยั่งยืนมากขึ้น เพราะว่าการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมามักไปจบลงที่การแข่งขันเชิงประชานิยม หรือเรื่องของการใช้อารมณ์เกี่ยวกับการแบ่งขั้ว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจมาโดยตลอด” หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว
ขอบคุณโพลหนุนนั่งนายกฯ
ยังกล่าวถึงกรณีผลสำรวจของนิด้าโพลที่ระบุว่าประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ขอบคุณ แต่ตนไม่ได้ยึดติดกับตัวเลขดังกล่าวมากนัก ผลสำรวจสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และถือเป็นกำลังใจให้คณะทำงานเดินหน้าต่อไป “เราก็คงไม่ได้ไปติดยึดอยู่กับตัวเลขขณะใดขณะหนึ่งนะครับ เรารู้ว่าทำงานแข่งขันกับตัวเองเป็นหลักในขณะนี้ เพราะว่าคณะกรรมการบริหารชุดนี้มาเริ่มต้นช้ากว่าพรรคอื่นในการเตรียมการเลือกตั้งอยู่แล้ว”
เชื่อเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
ส่วนกรณีที่ผลสำรวจมีคะแนนนำห่างถึง 25.5% กล่าวว่า ยังไม่กล้าสรุปว่ามีนัยสำคัญทางการเมืองในขั้นนี้ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และมุ่งเน้นการทำงานแข่งกับตัวเองมากกว่า เมื่อถูกถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ได้มอง เป็นคู่แข่งทางการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แสดงความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการเร่งฟื้นฟูและเยียวยาประเทศ
“ผมว่าท่านก็ต้องเดินหน้าทำงานนะครับ ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือเรื่องของการที่จะฟื้นฟูเยียวยาต่างๆ จริงๆก็อยากจะเรียนว่ามาตรการทั้งหลายที่ออกมาก็พยายามตอบโจทย์ให้ครอบคลุม แต่ว่าเครื่องมืออาจจะยังมีจำกัดอยู่ เช่นอาจจะไปเน้นในเรื่องของการให้สินเชื่อ ไม่นับในส่วนที่เป็นเยียวยา 9,000 บาท ความจริงแนวคิดอย่างเช่นคนละครึ่งใช้ได้กับทั้งภาคผู้ประกอบการ และภาคประชาชน ที่จะทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่จำเป็นต้องทำในขณะนี้ เพื่อฟื้นฟูกลับคืนมา ตอนนี้ยังไม่ได้แข่งขันกันครับ ตอนนี้ต้องช่วยกันทำงานทุกพรรคครับ”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว svong-1

