เมื่อเร็วๆ นี้ วัยทำงานเพิ่งจะได้รับรู้ข้อมูลชวนอึ้ง เมื่อ “สภาพัฒน์” แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 1/2568 โดยอ้างผลการศึกษาของ Hult International Business School ร่วมกับ Workplace Intelligence พบว่า ผู้บริหาร 89% มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ โดยมีรายละเอียดเจาะลึกลงไปว่า
- นายจ้าง 60% มองว่าเด็กจบ ใหม่ยังขาดประสบการณ์ในโลกความเป็นจริง
- 51% ของนายจ้างมองว่า ไม่มีทักษะการทำงานที่เหมาะสม
- 55% ของนายจ้างมองว่า ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม
- 50% ของนายจ้างมองว่า มารยาททางธุรกิจยังไม่ดีนัก
สอดคล้องกับตัวเลขการว่างงานของผู้จบการศึกษาใหม่โดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษานั้นพบว่า มีโอกาสที่จะตกงานสูง ยืนยันจากข้อมูลการว่างงานตามระดับการศึกษาที่ช่วงนี้พบคนรุ่นใหม่มีอัตราว่างงานมากที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ โดยคิดเป็นสัดส่วน 1.84% หรือว่างงานอยู่ที่ 131,600 คน สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้น่ากังวลแค่ในตลาดแรงงานไทย แต่ตามผลการศึกษาดังกล่าวสะท้อนถึงตลาดแรงงานทั่วโลก ที่พบว่าเกิดกระแสบริษัทหลายแห่ง-ผู้นำองค์กร ไม่จ้างงานบัณฑิตจบใหม่เข้ามาทำงาน ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมโลกการทำงานไปในวงกว้าง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “ถ้าไม่รับเด็กจบ ใหม่เข้าทำงาน แล้วจะให้พวกเขามีประสบการณ์วิชาชีพในสายงานนั้นๆ ได้อย่างไร”
เด็กจบใหม่ ถ้าอยากมีงานทำ ต้องกล้าเปิดรับทุกโอกาส แม้ไม่ใช่งานในฝัน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานจาก CNBC Make it เมื่อไม่นานมานี้ ได้เปิดเผยคำแนะนำจากอดีตผู้บริหารรุ่นใหญ่จาก NBCUniversal ที่ออกมาสะท้อนความเห็นส่วนตัวในประเด็นนี้ว่า เด็กจบใหม่สมัยนี้ไม่ได้ถูกฝึกฝนมาให้พร้อมรับมือกับตลาดงานที่ผันผวนหนัก แถมยังต้องสู้กับ AI ที่คัดคนก่อนถึงรอบสัมภาษณ์ ดังนั้น ถ้าอยากได้งาน ต้องกล้ายกมือรับทุกโอกาส แม้จะไม่ใช่งานในฝันที่อยากทำก็ตาม อดีตผู้บริหารคนดังกล่าวก็คือ บอนนี แฮมเมอร์ (Bonnie Hammer) อดีตรองประธาน NBCUniversal ซึ่งได้ออกมาเตือนบัณฑิตจบใหม่ว่า โลกการทำงานตอนนี้ไม่ง่าย และคุณต้องลงมือ ‘สร้างโอกาสให้ตัวเอง’ เพราะเธอเข้าใจดีว่าบัณฑิตใหม่ในยุคนี้ต้องเผชิญกับตลาดแรงงานที่ไม่เป็นใจนัก“โลกเปลี่ยนไปแล้ว เศรษฐกิจก็เปลี่ยน มุมมองต่อการหางานก็เปลี่ยนไป และเอไอก็เข้ามามีบทบาทอย่างมาก” อดีตผู้บริหารหญิง กล่าวระหว่างร่วมรายการ Squawk Box เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเธอบอกอีกว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย จะต้องมี “ความกล้า ความขยันในการไขว่คว้า มากกว่าที่เคย”แฮมเมอร์ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ “15 Lies Women Are Told at Work” มองว่าบัณฑิตจบใหม่ยุคนี้ มีความพร้อมน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ และบางส่วนเป็นเพราะการเลี้ยงดูของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์อย่างตนเอง ก็มีส่วนทำให้เด็กรุ่นใหม่มีบุคลิกลักษณะแบบนี้
คนรุ่นใหม่ไม่กล้าคว้าโอกาสงานอาชีพอื่น ที่ไม่ตรงสาย
“เด็กจบใหม่ทุกวันนี้เหมือนถูกจำกัดความสามารถ เพราะคนรุ่นเราไปสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เขามากเกินไป แจกเกรด A ให้กับความพยายาม แจกถ้วยรางวัลแค่เพียงไปโผล่หน้าในสนามแข่ง แม้จะไม่ได้ลงแข่งจริงๆ ก็ตาม” เธออธิบายสิ่งที่ตามมาคือ คนรุ่นใหม่ไม่กล้าออกไปคว้าโอกาส ไม่กล้ารับงานที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ใฝ่ฝันหรือคาดหวังไว้ พวกเขาคิดว่า ‘ฉันเรียนจบ ฉันมีปริญญา ครูเคยบอกว่าถ้าเรียนดีๆ จะได้งานดี ๆ’ แต่ความจริง โลกการทำงานยุคนี้กลับไม่เป็นแบบนั้นเลยข้อมูลเมื่อมีนาคม 2025 ระบุว่า อัตราการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่อยู่ที่ 5.8% ขณะที่อัตราการว่างงานของผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยรวมอยู่ที่เพียง 2.7% ทั้งนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยทำงานมือใหม่หางานยากขึ้นคือ ระบบคัดกรองด้วย AI ซึ่งหลายครั้งผู้สมัครอาจยังไม่ได้เจอหน้าคนจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ จนกว่าจะถึงรอบสัมภาษณ์
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ แฮมเมอร์ ย้ำว่า บัณฑิตใหม่ต้อง “สร้างโอกาสด้วยตัวเอง”ออกไปหาโอกาส อย่ารอแต่ให้โอกาสวิ่งมาหา ยิ่งเจอ-พูดคุยตัวต่อตัวก็ยิ่งดีเธอยกตัวอย่างลูกชายของเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเรียนจบ เขายื่นใบสมัครไปกว่า 200 ตำแหน่งผ่านเว็บของมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์เลย แต่มีอยู่วันหนึ่ง เขาได้รับคำเชิญให้ร่วมดินเนอร์กับตัวแทนบริษัทต่างๆ แบบกระทันหัน เขาจึงตัดสินใจเช่ารถ ขับไปไกลถึง 200 ไมล์เพื่อไปร่วมงาน “แค่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนในงานดินเนอร์คืนนั้น เขาก็ได้โอกาสเข้าสัมภาษณ์งานแบบตัวต่อตัว และสุดท้ายก็ได้งานจริง ๆ” แฮมเมอร์ เล่าในรายการเธอบอกว่าการเจอหน้ากันกับผู้คนในสายงานอื่นๆ ได้พูดคุยกันจริงๆ คือสิ่งที่ช่วยให้คนๆ หนึ่งแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด บัณฑิตใหม่ต้องกล้า “ยกมือขอรับโอกาส” อยู่เสมอ“ต้องกล้าคว้าโอกาสทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ พูดคุยกับผู้คนในหลากหลายสายงาน ขอช่องทางการติดต่อพวกเขาเอาไว้ และอย่ากลัวที่จะรับงานที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับเส้นทางอาชีพที่ฝันไว้ เพราะนั่นอาจเป็นหนทางสู่อาชีพที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็ได้” อดีตผู้บริหาร กล่าวทิ้งท้าย svong-1