ทองคำ All Time High $3,833 แรงหนุนจากดอลลาร์
อ่อน คาด Fed ลดดอกเบี้ย สหรัฐฯ เสี่ยงชัตดาวน์
ราคาทองคำพุ่งแรงทะลุระดับ $3,800 ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันจันทร์ (29 ก.ย.)
thairath สะท้อนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน ท่ามกลางความกังวลหลายด้าน ทั้งการคาดการณ์ว่า Fed เตรียมปรับลดดอกเบี้ย ภายในสิ้นปี รวมถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเผชิญ “ชัตดาวน์” หากสภาคองเกรสไม่สามารถหาข้อตกลงงบประมาณได้ทันกำหนด
ราคาทองคำสปอตปรับขึ้น 1.9% แตะ $3,829.63 ต่อออนซ์ หลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $3,833.37 ในระหว่างวัน ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.2% ปิดที่ $3,855.20 แรงหนุนหลัก มาจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.2% ทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายด้วยดอลลาร์ถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เสี่ยงปิดหน่วยงานราชการ หากไม่มีการตกลงขยายงบประมาณทันเส้นตายวันพุธ
นอกจากนี้ ความไม่สงบภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยล่าสุดรัสเซียอ้างควบคุมพื้นที่หมู่บ้านในแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนได้แล้ว
David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายเทรดโลหะจาก High Ridge Futures ระบุว่า thairath “ความกังวลเรื่องชัตดาวน์และแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ช่วยหนุนราคาทองและโลหะมีค่าโดยรวม”ทองคำปีนี้ปรับขึ้นแล้วกว่า 43% ได้แรงหนุนจากทั้งความไม่แน่นอนและแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดยข้อมูล ดัชนี PCE เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ออกมาตรงตามคาด ช่วยตอกย้ำความเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดดอกเบี้ยได้อีก 1–2 ครั้งในการประชุมเดือนตุลาคมและธันวาคมตลาดโลหะมีค่าอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นเช่นกัน เงิน (SIlver) พุ่งแตะ $46.85 ต่อออนซ์ ซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่า 14 ปี ขณะที่แพลทินัมแตะ $1,592.65 จุดสูงสุดในรอบ 12 ปี ส่วนพัลลาเดียมอ่อนตัวลงเล็กน้อยที่ $1,255.61นอกจากปัจจัยตลาดแล้ว วงการเหมืองทองยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ Tom Palmer ซีอีโอ Newmont บริษัทเหมืองทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศเกษียณปลายปีนี้ เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง Barrick ที่ซีอีโอ Mark Bristow ตัดสินใจลาออกเช่นกัน svong-1