ผู้ลี้ภัยเขมร แฉ “ระบอบฮุนเซน” ยึดที่ชาวบ้านให้นายทุน จับขังฝ่ายตรงข้าม เผยปมเหตุเปิดศึกไทย
จากกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ทีมงาน SEE TRUE ได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อพบกับชาวกัมพูชาที่หลบซ่อนตัวจากการถูกไล่ล่าอยู่ในกรุงเทพมหานคร พวกเขาเป็นกลุ่มต่อต้านสมเด็จฮุนเซน ผู้ซึ่งตอนนี้ได้ขยับตัวเองไปเป็นประธานวุฒิสภาควบตำแหน่งประธานพรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP และให้ลูกชาย คือ ฮุน มาเนต สืบทอดตำแหน่งนายกฯ แต่ในความเป็นจริงที่ผ่านมา เขายังมีบทบาทสำคัญอย่างมาก
ชาวกัมพูชาเหล่านี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย อยู่ในไทยอย่างหลบๆ ซ่อนๆ มาหลายปีแล้ว เหตุการณ์ที่ย่ำแย่สุดสำหรับพวกเขาคือการสังหารนายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคฝ่ายค้าน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และถ้าย้อนกลับไปในปี 59 ยังมีกรณีนายเคม เล็ย นักวิเคราะห์การเมืองชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ นั่นทำให้ต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก
ความอัดอั้นพรั่งพรูออกมาทันทีที่เราเปิดฉากการสนทนาขึ้น พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งมีที่มาแตกต่างกัน
“เคียง” เป็นสมาชิกพรรค CNRP ซึ่งถูกยุบเมื่อปี 60 ในปี 62 เขาถูกจับขังคุก 2 เดือน เพราะรณรงค์ให้ประชาชนออกไปต้อนรับนายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชากลับประเทศ ซึ่งตอนนั้น นายสม รังสี ลี้ภัยอยู่ฝรั่งเศส จะเดินทางกลับกัมพูชาโดยผ่านประเทศไทย แต่ถูกสกัดกั้นเสียก่อน
เคียงเล่าว่า ระหว่างถูกขัง โดนบังคับให้เป็นสมาชิกพรรค CPP ของสมเด็จฮุนเซน แต่เขาไม่ยอม กระทั่งนายสม รังสี กลับกัมพูชาไม่ได้แล้ว ตนจึงถูกปล่อยตัวพร้อมนักโทษการเมืองที่โดนจับขังด้วยเหตุผลเดียวกันอีกร้อยกว่าคน ทำให้ต้องพาครอบครัวหนีเข้ามาลี้ภัยในไทย และขายบ้านที่จังหวัดกันดาล ซึ่งอยู่ติดกับบ้านฮุนเซน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายหล่อเลี้ยงชีวิตระหว่างหนีอยู่ต่างแดน
“สุขุม” อีกหนึ่งผู้ลี้ภัยเล่าว่า เขาใช้ชีวิตเกือบทั้งวันอยู่เฉพาะในห้องเช่าเล็กๆ ขนาดยาว 4 เมตร และกว้างเพียง 2 เมตร ในห้องแคบๆ นี้ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับสิ่งที่เธอเรียกว่า “ระบอบฮุนเซน” โดยเฉพาะเสื้อพิมพ์รูปของนายเคม เล็ย ที่ถูกยิงเสียชีวิต จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ลี้ภัยของสุขุมต่างจากคนอื่นๆ เธอเล่าว่า ช่วงปี 45 บ้านและที่ดินในจังหวัดเกาะกง ถูกรัฐบาลยึดไปให้นายทุนสร้างโรงงาน โดยไม่จ่ายค่าชดเชยแม้แต่บาทเดียว เธอจึงชักชวนชาวบ้านนับพันคนที่ถูกยึดที่ดินในคราวเดียวกันลุกขึ้นประท้วง สุดท้ายถูกตามจับกุมจนต้องหนีออกมาอยู่ในประเทศไทย และกลายเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบฮุนเซนนับจากวันนั้นเป็นเวลา 16 ปีแล้ว และเป็นเวลา 16 ปีที่ไม่ได้เจอคนในครอบครัวอีกเลย รวมถึงลูกชายเพียงคนเดียวที่ต้องจากกันตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบ
“นายคัม” ต้องพาเมียและลูก 3 คน หลบหนีการจับกุมมาลี้ภัยอยู่ในไทย เขาเล่าว่า ในการเลือกตั้งปี 66 ได้ลงสมัคร ส.ส. จังหวัดไพลิน ในนามพรรคแสงเทียน แต่พรรคนี้ก็ถูกคณะกรรมการเลือกตั้งตัดสิทธิ์ผู้สมัครทั้งหมด และถูกผู้มีอำนาจบังคับให้เข้าเป็นสมาชิกพรรค CPP คนที่ไม่ยอมก็จะโดนยัดเยียดหมายจับ
ยังมีผู้ลี้ภัยอีกหลายคนที่ประสบชะตากรรมคล้ายๆ กันในประเทศบ้านเกิด อย่างเช่น ซัน ซึ่งมีแม่เป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคแสงเทียน ก็เล่าว่า ถูกตัดสิทธิ์และออกหมายจับ แต่แม่หนีได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงไปจับกุมพี่ชายขังคุก 6 เดือน แล้วบังคับให้เป็นสมาชิกพรรค CPP แล้วจึงปล่อยตัวออกมา ส่วนตัวของเธอก็มีหมายจับข้อหายุยงให้เกิดความปั่นป่วน แต่หนีออกมาได้ทัน
อีกคนที่ลี้ภัยอยู่ในไทย 6 ปีแล้ว คือ “โสกา” เขาเป็นสมาชิกพรรค CNRP ตอนที่มีข่าวว่านายสม รังสี จะกลับประเทศเมื่อปี 62 โดยเดินทางผ่านไทย โสกาได้เดินทางมาไทยเพื่อต้อนรับคนที่เขาศรัทธา ทำให้มีตำรวจไปรอจับเขาที่บ้าน จากนั้นก็กลับประเทศไม่ได้อีกเลย
เหตุการณ์สังหารนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน พรรค CNRP เมื่อเดือนมกราคม บรรดาผู้ลี้ภัยเชื่อว่า เป็นการกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมือง ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนตัว นั่นทำให้พวกเขายิ่งต้องระวังตัวอย่างมาก เพราะตั้งแต่ปี 61 จนถึงปลายปี 67 มีผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาถูกจับกุมที่ไทย และส่งตัวกลับกัมพูชา 14 คน กลุ่มผู้ลี้ภัยต่างเชื่อด้วยว่า การที่สมเด็จฮุนเซนเปิดศึกพิพาทชายแดนกับไทย เพื่อสร้างอำนาจให้กับฮุน มาเนต ลูกชายผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และปกปิดผลประโยชน์ที่เขาและพรรคพวกได้จากแก๊งคอลเซนเตอร์ในกัมพูชาชาวกัมพูชาเหล่านี้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR ตอนนี้มี 30 กว่าครอบครัว รอเดินทางไปประเทศที่ 3 ซึ่งในสถานการณ์นี้ พวกเขายังฝันจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิด svong-1