เคล็ดลับ ” มะเขือเทศ ” กินคู่กับอะไรได้ประโยชน์สูงสุด ปรุงถูกวิธีดีกว่ากินสด
มะเขือ เทศ เป็นสุดยอดอาหารที่อุดมด้วย ไลโคปีน (Lycopene) สารต้านอนุมูลอิสระสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, และภาวะเสื่อมของร่างกาย แต่หลายคนยังคงเข้าใจผิดว่าการกินมะเขือ เทศสดจะให้ประโยชน์สูงสุด แท้จริงแล้ว การกินมะเขือเทศแบบดิบทำให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก
กุญแจสำคัญคือ “การปรุง”
หากต้องการปลดปล่อยไลโคปีนออกมาจากเซลล์มะเขือ เทศอย่างเต็มที่ ต้องอาศัยความร้อน การนำมะเขือ เทศไปปรุงสุก เช่น การต้ม การผัด รวมทั้งการบี้ให้แหลกขณะปรุง จะช่วยทำลายผนังเซลล์ที่แข็งแรงของมะเขือ เทศ ทำให้สารไลโคปีนถูกปลดปล่อยออกมาและพร้อมให้ร่างกายดูดซึมได้มากขึ้น นี่คือขั้นตอนสำคัญที่ทำให้มะเขือ เทศปรุงสุกมีคุณค่าสูงกว่ามะเขือ เทศสด
กินคู่ไขมันดี ยิ่งดูดซึมเพิ่ม 4 เท่า
เคล็ดลับที่ทำให้ไลโคปีนทำงานได้ดีที่สุดคือการจับคู่กับไขมันดี เนื่องจาก ไลโคปีนเป็นสารที่ละลายในไขมัน (Fat-Soluble) การผัดมะเขือ เทศปรุงสุกร่วมกับ น้ำมันมะกอก (Olive Oil) หรือน้ำมันดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันคาโนลา จะช่วยเพิ่มอัตราการดูดซึมไลโคปีนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง
งานวิจัยชี้ว่า การปรุงมะเขือ เทศด้วยวิธีนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมไลโคปีนเข้าสู่กระแสเลือดได้ สูงขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับการกินมะเขือ เทศสด ๆ ดังนั้น การทำซอส, ซุป, หรือผัดมะเขือ เทศ จึงเป็นวิธีการบริโภคที่ชาญฉลาดที่สุด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ไขมันในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับแคลอรี่ส่วนเกิน ส่วนซอสสำเร็จรูปต้องระวังโซเดียมและน้ำตาล
สรุปวิธีกินมะเขือ เทศเพื่อสุขภาพสูงสุด
เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากไลโคปีนเต็มที่ ควรปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ ดังนี้:
- เลือกมะเขือ เทศที่ สุกเต็มที่ เพราะมีปริมาณไลโคปีนสูงที่สุด
- นำมะเขือ เทศไป ปรุงด้วยความร้อน เช่น ต้ม ผัด หรืออบ เพื่อทำลายผนังเซลล์
- รับประทานร่วมกับ ไขมันดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก หรืออะโวคาโด
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันปริมาณมากเกินไป หรือการปรุงด้วยความร้อนสูงจนเกิดการเผาไหม้
การปรับวิธีการกินมะเขือ เทศจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับสารไลโคปีนสูงสุด แต่ยังเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงในระยะยาว svong-1