รวมหนัง เวียดนาม เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งกล่าวถึงราชอาณาจักรกัมพูชาในยุคการปกครองของเขมรแดง โดยอาศัยเค้าเรื่องจากประสบการณ์จริงของคนรายงานข่าวหนังสือพิมพ์ที่เข้าไปทำข้อมูลในเขมรในตอนนี้ 3 คน ได้แก่ ซิดนีย์ เฉียงเบิร์ก ผู้รายงานข่าวชาวอเมริกัน ดิธ ปราน ล่ามและคนอ่านข่าวชาวเขมร และจากนั้นก็จอน สเวน ผู้ประกาศข่าวคนประเทศอังกฤษ ภาพยนตร์หัวข้อนี้ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 57 สำเร็จหน้าที่ควบคุมของโรแลนด์ จอฟเฟ นำแสดงโดยแซม วอเตอร์สตัน, ดร. เฮียง เอส. งอร์, จูเลียน แซนด์, รวมทั้ง จอห์น มัลโควิช
ภาพยนตร์เรื่องนี้เยอะมากๆถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะทางด้านวัฒนธรรมแล้วก็ตำแหน่งใกล้เคียงกับราชอาณาจักรกัมพูชามากที่สุด เหตุเพราะในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์นั้น แม้ราชอาณาจักรกัมพูชาจะล้าสมัยการปกครองของเขมรแดงแล้ว แต่ประเทศก็ยังอยู่ในตอนฟื้นฟูจากสงครามกลางเมืองในอดีตหน้า รวมถึงยังคงมีการปะทะกันระหว่างกองทหารของขั้วการบ้านการเรือนต่างๆในเขมรอย่างสม่ำเสมอ การเข้าไปใช้สถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนตร์ก็เลยไม่ปลอดภัย ชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์ชุดนี้มีการแปลงบ่อยมาก ครั้งแรกใช้ชื่อว่า สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน ต่อมาก็เลยแปลงเป็น แผ่นดินของคนไหนกัน และก็ ทุ่งฆ่า
รวมหนัง เวียดนาม ดูหนังใหม่ 2024
เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พุทธศักราช 2527 ซึ่งเอ๋ยถึงประเทศเขมรในสมัยการปกครองของเขมรแดง โดยอาศัยเค้าเรื่องจากประสบการณ์จริงของผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ที่เข้าไปทำข่าวสารในเขมรในช่วงเวลานั้น 3 คน เป็นต้นว่า ซิดนีย์ เฉลียงเบิร์ก ผู้สื่อข่าวคนอเมริกัน ดิธ ปราน ล่ามรวมทั้งผู้สื่อข่าวชาวเขมร รวมทั้งจอน สเวน ผู้สื่อข่าวคนอังกฤษ ภาพยนตร์หัวข้อนี้ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 57 ได้ผลหน้าที่ดูแลของโรแลนด์ หน้าจอฟเฟ แสดงนำโดยแซม วอเตอร์สตัน, ดร. เฮียง เอส. งอร์, จูเลียน แซนด์, รวมทั้ง จอห์น มัลวัววิช
ภาพยนตร์หัวข้อนี้จำนวนมากถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะด้านวัฒนธรรมแล้วก็ตำแหน่งที่ตั้งใกล้เคียงกับประเทศเขมรเยอะที่สุด เหตุเพราะในตอนที่ถ่ายทำภาพยนตร์นั้น ถึงแม้ประเทศเขมรจะหมดสมัยการปกครองของเขมรแดงแล้ว แต่ว่าประเทศก็ยังอยู่ในตอนฟื้นฟูจากสงครามกลางเมืองในสมัยก่อนหน้า แล้วก็ยังคงมีการปะทะกันระหว่างกองทหารของขั้วการบ้านการเมืองต่างๆในเขมรอย่างสม่ำเสมอ
การเข้าไปใช้สถานที่จริงสำหรับเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ก็เลยไม่ปลอดภัย รวมหนัง เวียดนาม ชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์ชุดนี้มีการเปลี่ยนหลายหน ทีแรกใช้ชื่อว่า สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน ถัดมาก็เลยกลายเป็น แผ่นดินของผู้ใด แล้วก็ ทุ่งฆ่าสร้างขึ้นจากสถานะการณ์จริงของคนประกาศข่าว ผู้ครอบครองรางวัล Pulitzer Prize, Sydney Schanberg ที่อยู่ในกรุงพนมเปญขณะเขมรแดงเข้ายึดอำนาจ และจากนั้นก็ Dith Pran นักข่าวเชื้อชาติเขมร ที่ดำรงชีพอยู่
หนังเรื่องนี้ รวมทั้ง Come and See (1985) เป็นสองเรื่องที่ผมไม่ต้องการส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นข้อพิสูจน์ที่เหี้ยมโหดอำมหิตจากการกระทำที่เกิดจากมนุษย์ แต่ว่า ‘ความเป็นจริงเป็นสิ่งไม่ตาย’ ผมแนะนำหนังประเด็นนี้ไว้ให้ ‘ต้องดูซิตาย’ เพื่อไม่ให้ ‘ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นซ้ำรอย’ ผมเรียกการรบเขมรแดงนี้ว่า ‘การสู้รบของคนโง่เขลาเบาปัญญา’ แหล่งกำเนิดมีสาเหตุจากฝูงคนที่เรียกตัวเองว่า ปราชญกรุงปารีส (Paris Student Group) นิสิตฝั่งซ้ายชาวเขมร ที่ได้รับทุนสำหรับการศึกษาจากรัฐบาลเขมรให้ไปทำความเข้าใจในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ในตอนทศวรรษที่ 50s นำโดยซาลอธ ซาร์ (Saloth Sar) ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนายพล พต (Pol Pot) ร่วมกันตั้งขั้นตอนการระบอบคอมมิวนิสต์ ลัทธิ Marxism–Leninism ของตนขึ้น มีอุดมการณ์เพื่อสร้างสังคมรูปแบบใหม่ ใช้การเปลี่ยนแบบเบ็ดเสร็จโดยชนชั้นใช้แรงงานเป็นตัวขับ, ด้านหลังเดินทางกลับประเทศ ได้มีการเก็บรวบรวมประชาชนในชื่อ เขมรแดง (Khmer Rouge, Red Khmer), และได้ทำเปลี่ยนทำลายรัฐบาลลอน นอล (Lon Nol) ใน พ.ศ.2518 (1975) นำไปสู่การก่อตั้งระบอบเขมรระบอบประชาธิปไตย (Democratic Kampuchea) ในเวลาต่อมา
Platoon (1986) พลาทูน
ภาพยนตร์เกี่ยวกับการศึกเวียดนามของฮอลลีวู้ด ได้รับการถ่ายทำกันอย่างจริงจังในตอนที่การศึกจบลงมาได้ 10 กว่าปี นักสร้างภาพยนตร์คนจำนวนไม่น้อยได้ถ่ายทอดเรื่องราวของการศึกเวียดนามในต้นแบบที่ไม่เหมือนกันกับเรื่องกรีนต์ กางเร่ ได้เสนอไว้ในตอนที่อเมริกาได้ร่วมการศึกใหม่ๆและไม่ได้คุยอวดใส่ไข่แบบแรมโบ้ที่สิลเวสเตอร์ สตอลโลนได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ ตัวหนังเปิดตัวด้วยทหารอเมริกันกรุ๊ปหนึ่งที่พึ่งพิงปฏิบัติราชการในเวียดนาม พวกเขาต่างเป็นเด็กวัยหนุ่มที่พึ่งจะเริ่มดำรงชีวิต การดำเนินเรื่องเป็นไปตามคำกล่าวของคริส เทเลอร์ (ชาร์ลี ชีน)
พลทหารใหม่เป็นหลัก บุคลิกลักษณะของคริสนั้นเปรียบได้ดั่งเด็กไม่รู้เดียงสาที่พึ่งรู้เรื่องรู้ราว ต้องได้รับการช่วยเหลือจากพวกคนแก่โน่นเป็น ทหารเก่าผู้เจนศึก หรือบางทีอาจเปรียบเหมือนพนักงานฝึกหัดที่อยากคำชี้แนะจากผู้จัดการอีกมากมาย ตอนที่กองกำลังในหน่วยที่พลทหารคริสปฏิบัติงานนั้น มีแม้กระนั้นฝูงคนระดับล่างในสังคมอเมริกันทั้งหมด
รวมทั้งโดยมากมาจากเมืองที่แม้กระทั้งชาวอเมริกันเองยังไม่เคยรู้ หรือเมืองที่เกือบจะถูกลืม พลทหารใหม่ คริส ได้ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่… ที่หน่วยรบ กองร้อยบราโม้ พลลาดตระเวนที่ 25 กันยายน 1967 ร่วมรบในการรบเวียตนามใกล้ชายแดนเขมร ตลอดทางถูกพวกเวียดกงซุ่มจู่โจมบ่อยทำให้ทหารเจ็บตายมากเพิ่มขึ้น สร้างแรงกดดันให้กับสิบเอกบาร์นถึงกับรังควาน ประชาชน สตรี เด็ก ที่บริสุทธ์ รวมทั้ง เผาทำลายบ้านมีความคิดว่าเป็นสายให้พวกเวียดกง
ในปี พุทธศักราช 2510 คริส เทย์เลอร์ อาสาสมัครจากกองทัพสหรัฐอเมริกา รวมหนัง เวียดนาม เดินทางถึงเวียดนามใต้รวมทั้งได้รับมอบหมายให้ประจำหมวดพลเดินเท้าของกองพลลาดตระเวนที่ 25 ใกล้ชายแดนเขมร หากว่าหมวดจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาอย่างเป็นทางการของผู้หมวดวูล์ฟที่อายุน้อยและไม่มีประสบการณ์ แต่ว่าทหารกลับยอมเชื่อฟังผู้ใต้บังคับบัญชาที่แก่กว่าและก็มีประสบการณ์มากยิ่งกว่าสองคน: นายสิบบาร์นส์ผู้เย้ยหยัน รวมทั้งนายสิบอีเลียสผู้เห็นใจมากยิ่งกว่า
เทย์เลอร์ถูกส่งไปพร้อมด้วยบาร์นส์ อีเลียส และก็ทหารที่มีประสบการณ์คนอื่นเพื่อซุ่มจู่โจมกองกำลังของกองกองทัพเวียดนามเหนือในค่ำคืน หน่วยเที่ยวตรวจ NVA เผยตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการยิงต่อสู้กันครู่เดียว เทย์เลอร์ได้รับบาดเจ็บในขณะที่การ์ดเนอร์รับสมัครใหม่อีกคนถูกฆาตกรรม แม้ว่าจะผ่านกะถัดไปให้กับทหารอีกคนก่อนที่จะมีการจู่โจม บาร์นส์ปรักปรำว่าเทย์เลอร์เผลอหลับในกะของเขา เมื่อเขากลับมาที่ฐานจากสถานีช่วยเหลือ เทย์เลอร์ผูกพันกับเอเลียสและก็ฝูงคนดูดกัญชาของเขา ในเวลาที่อยู่ห่างจากบาร์นส์รวมทั้งผู้ติดตามที่ศีรษะแข็งกว่าของเขา
Saltburn
Saltburn เกิดเรื่องราวของ โอลิเวอร์ นิสิตชายหนุ่มมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของอังกฤษ ซึ่งเพียรพยายามดิ้นรนจุดที่ยืนในรั้วสถาบันอันโอ่อ่าที่นี้ ก่อนเขาจะถูกยั่วยวนใจเข้าไปสู่โลกของ ฟีลิกซ์ แคตตัน ชายหนุ่มไฮโซที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อันน่าคลั่งไคล้ และก็ได้ก้าวย่างเข้าไปสู่ซอลท์เบิร์น คฤหาสน์โบราณที่เต็มไปด้วยตำนาน พร้อมทั้งเบาๆเจอะเจอกับเรื่องพิศดารในฤดูร้อนที่เขาควรต้องจำมันไม่ลืมเลือน
เอ็มเมอรัลด์ เฟนเนลล์ ก็ยังคงกลเม็ดเด็ดพรายในงานสร้างภาพยนตร์ของคุณอยู่ถัดไป มันยังเต็มไปด้วยลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของนักสร้างภาพยนตร์หญิงผู้นี้ ที่ประจวบเหมาะกับเนื้องานรวมทั้งเข้ามือคุณได้อย่างดีเยี่ยม นอกเหนือจากที่จะดูแลงานสร้างแล้ว คุณยังคงรับหน้าที่เขียนบทหนังเองอีกเหมือนปกติ และจากนั้นก็ยังเป็นงานบทที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันน่าค้นหาอีกที เพราะเหตุว่าเต็มไปด้วยจริตรวมทั้งกลเม็ดเด็ดพรายที่สุดกำลังเต็มอารมณ์ในแบบของเอ็มเมอรัลด์
ฉากหน้าของ Saltburn บางครั้งก็อาจจะมองเป็นหนังวัยรุ่นงาน รวมหนัง เวียดนาม เลี้ยงเมาๆแม้กระนั้นเมื่อได้มาสัมผัสกับเนื้อแท้ของหนังดูแล้ว กลับทำให้พบว่ามันมีเนื้อหาสลับซับซ้อนนอกนั้น โดยยิ่งไปกว่านั้นองค์ประกอบที่วุ่นของลำดับชนชั้นสังคมที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นสตอรีหลัก โยงใยกับห้วงมิติอารมณ์ของผู้แสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบเสาะหาแล้วก็ค้นหาตนเองของติดอยู่แรกเตอร์ต่างๆที่เปลี่ยนเป็นสิ่งที่เดามิได้ รวมทั้งเป็นไฮไลต์ที่ทำให้เพิ่มอรรถรสของหนังไปด้วย
ถึงแม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยความเย้ายวนที่อารมณ์มากไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระนั้นมันแปลงเป็นหนังติดเรท 18+ ที่ไม่มีหากแม้ฉากมีเซ็กส์แบบโจ่งแจ้งใดๆก็ตามเลย แต่ใช้ส่วนประกอบของงานสร้างแล้วก็เสน่ห์ของดาราหนังเข้ามาผสมกับอินเนอร์ของบทได้อย่างเชิญซาบซึ้งใจ..ไปจนกระทั่งชักชวนขนลุกขนพอง ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เต็มไปด้วยกิมไม่กที่เชื้อเชิญปลื่มที่ผู้กำกับหญิงคนมีชื่อเสียงสรรค์สร้างออกมาได้หอมขจรกระจาย
Silent Night ยิงแมร่งให้เหี้ยน
Silent Night ยิงแมร่งให้เหี้ยนเตียน เกิดเรื่องราวของชายผู้ระทมทุกข์จากการที่จำเป็นต้องมอง dragon sword ancient battlefield ภาค1 เห็นลูกชายของเขาเสียชีวิตด้วยลูกหลงจากการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มอันธพาลในวันคริสต์มาสอีฟ จะต้องสูญเสียความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการกล่าวไปในขณะที่เขากำลังรักษาตัว แล้วก็ปัจจุบันนี้เขาก็กำลังฝึกซ้อมแบบอย่างอย่างมากเพื่อทำภารกิจชำระแค้นให้กับลูกชายที่พนันด้วยชีวิตของเขาเอง
การกลับมาในรอบ 20 ปีของผู้กำกับ จอห์น วู ที่ทิ้งทวนเอาไว้ตั้งแต่แมื่อ Paycheck เมื่อปี 2003 และไปจับงานสร้างภาพยนตร์จีนแฟรนไชส์ อีกทั้ง Red Cliff หรือ The Crossing ในด้านงานสร้างนับว่ายังคงไว้ด้วยมาตรฐานของเขาเหมือนเดิม มันยังเต็มไปด้วยลายเส้นเดิมๆของผู้กำกับท่านนี้ ที่แน่ๆว่าในทางความสดใหม่แทบไม่มีอะไรให้พวกเราได้สัมผัสเลย
ถ้าเกิดจะให้พูดตรงไปตรงมาเป็น Silent Night ยิงแมร่งให้เหี้ยนเตียน ก็หยอดความเชยให้ผู้ชมมาตั้งแต่ Opening Title เปิดตัวฉากแรกของหนังเลย คีย์ซีนเฉิ่มๆระหว่างขึ้นเครดิตรายนามในทีแรกๆ เพียงแค่มองเห็นเพียงพอจะทราบถึงรสสัมผัสของหนังอีกทั้งเรื่องได้แล้ว แล้วหลังจากนั้นก็เป็นแบบนั้นจริงๆเนื่องจากว่านี่เป็นหนังที่เพียรพยายามจะสุจริตใจรวมทั้งกลับพาหลงด้านหลงทางอยู่เสมอๆเนื่องจากความเป็นมูฟออน
โดยหนังบางทีอาจจะแบ่งได้เป็นได้สัก 3 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นดรามาซ้ำซากจำเจที่เป็นการเกริ่นนำที่ลากยาวเกินจำเป็นไปสักนิดสักหน่อย จนเกือบจวนเจียนจะแปลงเป็นโทนอารมณ์ที่ความเบื่อหน่าย พร้อมด้วยวนลูปไปอย่างงั้น ส่วนต่อมาก็เต็มไปด้วยความจืดจาง เป็นช่วงๆรอยต่อระหว่างการมูฟออนกับความหม่นหมองที่แสนเซ็ง ก่อนที่จะเริ่มมาจุดเครื่องได้ในส่วนท้ายที่สุดที่ใส่จังหวะบู๊ออกมาจัดจ้า แม้ว่าจะไม่แยบคายเท่าไร แม้กระนั้นก็พอใช้ได้เพลิดเพลินๆ
